Month: พฤศจิกายน 2021

ไม่มีสิ่งใดสามารถแยกเราได้

เมื่อพ่อของพริสซึ่งเป็นศิษยาภิบาลตอบรับการทรงเรียกให้ไปบุกเบิกงานมิชชั่นบนเกาะเล็กๆในประเทศอินโดนีเซีย ครอบครัวเธอต้องอาศัยในกระท่อมผุพังที่เคยเป็นคอกสัตว์มาก่อน พริสจำได้ถึงการฉลองคริสต์มาสของครอบครัวที่ต้องนั่งบนพื้น และร้องสรรเสริญพระเจ้าขณะที่น้ำฝนหยดผ่านหลังคามุงจาก แต่พ่อเตือนเธอว่า “พริส การที่เรายากจนไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าไม่รักเรา”

บางคนอาจมองว่าชีวิตที่ได้รับการอวยพรจากพระเจ้าคือชีวิตที่ร่ำรวย มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว ดังนั้นในยามที่ยากลำบาก พวกเขาอาจสงสัยว่าพระเจ้ายังคงรักพวกเขาอยู่หรือไม่ แต่ในโรม 8:31-39 เปาโลเตือนว่าไม่มีสิ่งใดแยกเราจากความรักของพระเยซูได้ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ ความยากลำบาก การเคี่ยวเข็ญ หรือการกันดารอาหาร (ข้อ 35) รากฐานของชีวิตที่ได้รับการอวยพรอย่างแท้จริงคือ พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์ โดยส่งพระเยซูองค์พระบุตรมาตายแทนบาปของเรา (ข้อ 32) พระคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากความตายและเวลานี้ “ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์” ของพระบิดา และทรงอธิษฐานขอเพื่อพวกเรา (ข้อ 34)

ในเวลาของความทุกข์ยาก เราสามารถยึดมั่นในความจริงที่อบอุ่นใจว่า ชีวิตของเราตั้งอยู่บนรากฐานของสิ่งที่พระคริสต์ได้ทรงกระทำเพื่อเรา ไม่มีสิ่งใด “แม้ความตายหรือชีวิต...หรือสิ่งใดๆอื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น” (ข้อ 38-39) จะแยกเราจากความรักของพระองค์ได้ ไม่ว่าในสถานการณ์ไหนหรือความทุกข์ยากแบบใด ขอให้ระลึกว่าพระเจ้าทรงสถิตกับเรา และไม่มีสิ่งใดแยกเราจากพระองค์ได้

การทรงสร้างอันอัศจรรย์ของพระเจ้า

การเดินชมธรรมชาติที่เรียบง่ายในฤดูใบไม้ผลิของผมและภรรยากลายเป็นสิ่งพิเศษขณะที่เราเดินลัดเลาะริมแม่น้ำแกรนด์ในละแวกบ้านของเรา เราสังเกตเห็น “เพื่อน” ที่คุ้นเคยบนขอนไม้ที่ปริ่มน้ำ เต่าตัวใหญ่ห้าหรือหกตัวกำลังอาบแดด ซูและผมยิ้มให้กับภาพอันน่าอัศจรรย์ของสัตว์เหล่านี้ที่เราไม่ได้เห็นมาหลายเดือน เราดีใจที่พวกมันกลับมา และเราฉลองช่วงเวลาแห่งความยินดีในการทรงสร้างอันแสนงดงามของพระเจ้า

พระเจ้าทรงพาโยบเดินชมธรรมชาติอันน่าทึ่ง (ดูโยบ 38) ชายผู้มีปัญหาต้องการคำตอบถึงสถานการณ์ของท่าน (ข้อ 1) และสิ่งที่ท่านได้เห็นขณะเดินกับพระเจ้าผ่านการทรงสร้างของพระองค์นั้นหนุนกำลังท่าน

ลองจินตนาการความอัศจรรย์ใจของโยบ เมื่อพระเจ้าทรงย้ำเตือนท่านถึงการออกแบบที่ยิ่งใหญ่ของโลก โยบได้รับคำอธิบายโดยตรงจากผู้ออกแบบเกี่ยวกับธรรมชาติของโลก “ผู้ใดวางศิลามุมเอกของมัน...ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญและบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน” (ข้อ 6-7) ท่านได้เรียนเรื่องภูมิศาสตร์ถึงขีดจำกัดที่พระเจ้ากำหนดให้กับท้องทะเล (ข้อ 11)

พระผู้สร้างยังทรงบอกโยบเกี่ยวกับความสว่าง หิมะและฝนที่พระองค์ทรงสร้างเพื่อให้ทุกสิ่งเติบโต (ข้อ 19-28) โยบยังได้ยินเรื่องหมู่ดาวทั้งหลายจากผู้ที่ทรงประดับมันไว้ในอวกาศ (ข้อ 31-32)

ในที่สุด โยบตอบพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ทราบแล้วว่าพระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งได้” (42:2) เมื่อเราได้สัมผัสกับธรรมชาติในโลกนี้ ขอให้เรายำเกรงพระผู้สร้างผู้ทรงเปี่ยมด้วยปัญญาและความน่าอัศจรรย์

ข่าวดี

ในปี 1941 ในขณะที่การครอบครองของฮิตเลอร์แผ่ขยายไปทั่วยุโรป นักประ-พันธ์จอห์น สไตน์เบคได้ถูกขอให้ช่วยงานในสงคราม เขาไม่ได้ถูกขอให้ออกไปรบหรือไปเยี่ยมหน่วยรบแนวหน้า แต่ให้แต่งนิยาย ผลที่ได้คือ รักระหว่างรบ เป็นนิยายที่เล่าถึงดินแดนที่สงบสุขแต่ถูกรุกรานโดยระบอบการปกครองที่ชั่วร้าย หนังสือถูกพิมพ์โดยโรงพิมพ์ใต้ดินและแจกจ่ายไปทั่วทุกประเทศที่ถูกยึดครอง นิยายได้ส่งข่าวออกไปว่า ฝ่ายสัมพันธมิตรกำลังมา และโดยการเลียนแบบตัวละครในนิยาย ผู้อ่านสามารถช่วยรักษาอิสรภาพของพวกเขาได้ สไตน์เบคนำข่าวดีไปยังผู้คนที่อยู่ใต้การปกครองของนาซีผ่านนิยายรักระหว่างรบ ว่าเสรีภาพของพวกเขามาใกล้แล้ว

เช่นเดียวกับตัวละครของสไตน์เบค ชาวยิวในศตวรรษแรกถูกยึดครองอยู่ใต้การปกครองที่โหดร้ายของโรมัน แต่หลายศตวรรษก่อนนั้น พระเจ้าทรงสัญญาที่จะส่งพระผู้ช่วยมาปลดปล่อยพวกเขาและนำสันติสุขมาสู่โลก (อสย.11) ความชื่นชมยินดีระเบิดออกเมื่อพระผู้ช่วยมาถึง “เรานำข่าวประเสริฐนี้มาแจ้งแก่ท่านทั้งหลาย” เปาโลกล่าว “พระสัญญาซึ่งทรงประทานแก่บรรพบุรุษของเรา พระเจ้าได้ทรงทำให้สำเร็จตามนั้นแก่เรา...คือในการที่พระองค์ทรงให้พระเยซูกลับคืนพระชนม์” (กจ.13:32-33) โดยการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูและทรงนำการอภัยโทษมาให้แก่โลก การฟื้นฟูโลกได้เริ่มต้นขึ้น (ข้อ 38-39; รม.8:21)

ตั้งแต่นั้นมา ข่าวดีนี้ได้แพร่ออกไปทั่วโลก มอบสันติสุขและเสรีภาพแก่ทุกที่ที่ยอมรับข่าวดีนี้ พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ เราได้เริ่มต้นที่จะมีเสรีภาพจากความบาปและความชั่ว เราเป็นอิสระได้โดยพระองค์!

คุณไม่ได้อยู่คนเดียว

“ดีใจมากที่ได้เจอคุณ!” “คุณด้วยนะ!” “ดีใจมากที่คุณมา!” การกล่าวทักทายดูอบอุ่นและเป็นมิตร สมาชิกของคริสตจักรในแคลิฟอร์เนียตอนใต้มารวมตัวกันผ่านระบบออนไลน์ก่อนการประชุมในช่วงค่ำ ขณะที่นักเทศน์โทรศัพท์เข้ามาจากรัฐโคโลราโด ฉันดูอย่างเงียบๆขณะคนอื่นๆรวมตัวกันผ่านวีดีโอคอล ฉันเป็นคนเก็บตัวและไม่รู้จักใคร ฉันจึงรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก แต่ทันทีที่หน้าจอเริ่มฉายภาพศิษยาภิบาลของฉัน อีกจอหนึ่งก็เริ่มฉายภาพเพื่อนเก่าในคริสตจักรที่เข้าร่วมประชุมออนไลน์ด้วย เมื่อเห็นพวกเขา ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป ดูเหมือนว่าพระเจ้าทรงส่งกองหนุนมาให้

เอลียาห์ก็ไม่โดดเดี่ยวเช่นกัน แม้จะรู้สึกเหมือน “ข้าพระองค์แต่ผู้เดียวเหลืออยู่” หลังต้องหลบหนีความโกรธแค้นของเยเซเบลและอาหับ (1 พกษ.19:10) หลังจากเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดารตลอดสี่สิบวันสี่สิบคืน เอลียาห์ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำบนภูเขาโฮเรบ แต่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้กลับสู่การรับใช้ ตรัสว่า “จงกลับไปตามทางของเจ้าถึงถิ่นทุรกันดารดามัสกัส และเมื่อเจ้าไปถึงแล้ว เจ้าจงเจิมฮาซาเอลไว้ให้เป็นกษัตริย์เหนือประเทศซีเรีย และเยฮูบุตรนิมซีนั้น เจ้าจงเจิมให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และเอลีชาบุตรชาฟัดชาวอาเบลเมโฮลาห์ เจ้าจงเจิมตั้งไว้ให้เป็นผู้เผยพระวจนะแทนเจ้า” (ข้อ 15-16)

แล้วพระเจ้าทรงให้หลักประกันกับท่านว่า “แต่เราจะเหลือเจ็ดพันคนไว้ในอิสราเอล คือทุกเข่าซึ่งมิได้น้อมลงต่อพระบาอัล และทุกปากซึ่งมิได้จูบรูปนั้น” (ข้อ 18) เช่นเดียวกับที่เอลียาห์ได้เรียนรู้ว่า ขณะรับใช้พระเจ้านั้นเราไม่ได้รับใช้ตามลำพัง พระเจ้าทรงนำความช่วยเหลือมาให้ เพื่อพวกเราจะรับใช้พระองค์ร่วมกัน

สาวกที่แท้จริงของพระเยซู

เมื่อคริสเตียน มูสตาด เอาภาพวาดทิวทัศน์ของแวนโก๊ะให้โอกุสต์ เพลเลอรินผู้เป็นนักสะสมงานศิลปะดู เพลเลอรินมองภาพนั้นเพียงครั้งเดียวแล้วพูดว่ามันไม่ใช่ของจริง มูสตาดจึงเอาภาพนั้นไปซ่อนไว้ที่ห้องใต้หลังคาซึ่งภาพนั้นอยู่ที่นั่นตลอดห้าสิบปี เมื่อมูสตาดเสียชีวิตภาพนั้นถูกนำไปประเมินค่าครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดสี่สิบปีต่อมา ทุกครั้งมันถูกตัดสินว่าเป็นของปลอม จนกระทั่งปี 2012 เมื่อผู้เชี่ยวชาญใช้คอมพิวเตอร์นับรอยแตกของเส้นด้ายในผ้าใบของภาพนั้น เขาค้นพบว่ามันถูกตัดมาจากผ้าใบผืนเดียวกับงานอีกชิ้นหนึ่งของแวนโก๊ะ มูสตาดได้เป็นเจ้าของผลงานที่แท้จริงของแวนโก๊ะมาโดยตลอด

คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นของปลอมหรือไม่ คุณกลัวไหมหากมีคนมาตรวจสอบคุณแล้วพบว่าคุณอธิษฐาน ถวายและรับใช้น้อยกว่าคนอื่นๆ คุณกำลังถูกชักจูงให้ไปซ่อนตัวที่ห้องใต้หลังคาเพื่อหลบสายตาที่สอดรู้สอดเห็นของคนอื่นหรือไม่

จงมองลึกลงไปภายใต้สีสันและโครงร่างของชีวิตคุณ หากคุณหันจากทางของคุณและเชื่อวางใจในพระเยซู เมื่อนั้นคุณและพระองค์ก็มาจากผ้าใบผืนเดียวกัน หากใช้ภาพของพระเยซูที่ตรัสว่า “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง” (ยน.15:5) พระเยซูกับคุณก็เป็นผ้าผืนเดียวกันที่ไร้รอยต่อ

การพึ่งพิงในพระเยซูทำให้คุณเป็นสาวกที่แท้จริงของพระองค์ และนี่เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะปรับปรุงภาพวาดของคุณให้ดีขึ้น พระองค์ตรัสว่า “ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นจะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย” (ข้อ 5)

ร้องสรรเสริญแด่พระเจ้า

ความร้อนอบอ้าวของฤดูร้อนในตอนกลางของภาคตะวันตกปกคลุมพวกเราตลอดสัปดาห์ของงานประชุมการสร้างสาวก แต่ในวันสุดท้ายพวกเราได้ต้อนรับอากาศที่เย็นสบาย เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับอากาศที่เย็นลงและพระราชกิจอันอัศจรรย์ที่ได้ทรงกระทำ คนนับร้อยจึงร่วมกันส่งเสียงนมัสการพระเจ้า หลายคนรู้สึกได้รับการปลดปล่อยให้ร้องเพลงอย่างสุดใจต่อพระพักตร์พระเจ้า มอบถวายหัวใจ จิตวิญญาณ ร่างกายและความคิดแด่พระองค์ หลายสิบปีต่อมาเมื่อย้อนคิดถึงวันนั้น ฉันได้รับการย้ำเตือนถึงความอัศจรรย์ใจและชื่นชมยินดีอันบริสุทธิ์ของการสรรเสริญพระเจ้า

กษัตริย์ดาวิดทรงรู้วิธีที่จะนมัสการพระเจ้าอย่างสุดใจ เมื่อหีบพันธสัญญาซึ่งแสดงถึงการทรงสถิตของพระเจ้าถูกนำกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงชื่นชมยินดีด้วยการเต้นรำ กระโดด และเฉลิมฉลอง (1 พศด.15:29) แม้เมื่อพระมเหสีมีคาลเห็นการปล่อยตัวของดาวิดและ “มีใจดูหมิ่นพระองค์” (ข้อ 29) ดาวิดไม่ทรงยอมให้คำตำหนิของพระนางหยุดยั้งการนมัสการพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ของพระองค์ แม้ว่าจะดูไร้เกียรติ แต่พระองค์ต้องการขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเลือกพระองค์ให้เป็นผู้นำประเทศ (2 ซมอ.6:21-22)

ดาวิดแต่งตั้ง “อาสาฟและพี่น้องของท่าน จงโมทนาพระคุณพระเจ้าและร้องทูลออกพระนามพระองค์ จงให้บรรดาพระราชกิจของพระองค์แจ้งแก่ชนชาติทั้งหลาย จงร้องเพลงถวายพระองค์ร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์ จงเล่าถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์” (1 พศด.16:7-9) ขอให้เรามอบตัวเองเพื่อนมัสการพระเจ้าโดยสรรเสริญและยกย่องพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจ

ป้ายชื่อพระเยซู

“ลูกพ่อไม่มีอะไรมากมายที่จะให้กับลูก แต่พ่อมีชื่อเสียงที่ดี จงอย่าทำลายมัน” เป็นคำพูดที่ชาญฉลาดและหนักแน่นของจอห์นนี่ เบททิส ที่พูดกับเจโรมลูกชายของเขาขณะจากบ้านเพื่อไปเรียนที่วิทยาลัย เจโรมยกคำพูดของพ่อมากล่าวในสุนทรพจน์ในงานต้อนรับเข้าสู่หอเกียรติยศนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล คำพูดชาญฉลาดที่เจโรมจดจำและมีอิทธิพลในตลอดชีวิตของเขา จนทำให้เขากล่าวย้ำด้วยประโยคที่คล้ายคลึงกันกับลูกชายของเขาว่า “ลูก ไม่มีอะไรที่พ่อให้จะสำคัญมากไปกว่าชื่อเสียงที่ดีของพวกเรา”

การมีชื่อเสียงดีเป็นเรื่องสำคัญของผู้เชื่อในพระเยซู คำพูดของเปาโลในพระธรรมโคโลสี 3:12-17 เตือนให้เรารู้ว่าเราเป็นตัวแทนของใคร (ข้อ 17) อุป-นิสัยเป็นเหมือนเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ และพระธรรมตอนนี้บอกว่าเรากำลังแขวน “ป้ายชื่อพระเยซู” บนเสื้อผ้าของเรา “ในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้...จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน...จงยกโทษให้กันและกัน...แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด” (ข้อ 12-14) นี่ไม่ใช่เพียง “เสื้อผ้าสำหรับวันอาทิตย์” เราต้องสวมเสื้อผ้านี้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อพระเจ้าทรงทำงานในเราเพื่อสะท้อนถึงพระองค์ เมื่อชีวิตของเรามีคุณลักษณะนิสัยเหล่านี้ เราแสดงให้เห็นถึงพระนามของพระองค์ที่อยู่ในเรา

ให้เราขะมักเขม้นอธิษฐานและระมัดระวังในการสำแดงให้เห็นถึงพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงประทานสิ่งที่จำเป็นแก่เรา

คำศัพท์สำหรับความเศร้าโศก

เมื่อฮิวจ์และดีดียอมปล่อยให้ลูกคนเดียวของพวกเขาไปสวรรค์ พวกเขาสับสนไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไรหลังจากเรื่องเศร้านั้น ในภาษาอังกฤษไม่มีคำเฉพาะที่ใช้เรียกพ่อแม่ที่สูญเสียลูก ภรรยาที่ไร้สามีคือแม่หม้าย สามีที่ไร้ภรรยาเป็นพ่อหม้าย เด็กที่ไม่มีพ่อแม่คือเด็กกำพร้า พ่อแม่ที่ลูกเสียชีวิตเป็นหลุมแห่งความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบาย

การแท้งลูก การตายอย่างฉับพลันของทารก การฆ่าตัวตาย ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ความตายขโมยเด็กไปจากโลก และปล้นเอาการมีตัวตนของพ่อแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ไป

แต่พระเจ้าทรงเข้าพระทัยถึงความโศกเศร้าที่แสนเจ็บปวดนั้นเมื่อพระเยซู พระบุตรองค์เดียวทรงร้องเรียกพระองค์เมื่อใกล้จะสิ้นพระชนม์บนกางเขน “พระบิดาเจ้าข้าข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก.23:46) พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของพระเยซูก่อนที่จะลงมาบังเกิดในโลก และยังคงเป็นพระบิดาจนลมหายใจสุดท้ายของพระเยซู พระเจ้ายังทรงเป็นพระบิดาเมื่อพระกายของพระบุตรถูกวางไว้ในอุโมงค์ พระเจ้าทรงเป็นอยู่ในวันนี้ในฐานะพระบิดาของพระบุตรผู้เป็นขึ้นจากความตาย ผู้ทรงมอบความหวังแก่พ่อแม่ทุกคนว่า ลูกๆของพวกเขาจะสามารถมีชีวิตอีกครั้ง

คุณจะเรียกพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ที่ทรงยอมสละองค์พระบุตรเพื่อจักรวาลนี้ เพื่อคุณและฉันว่าอย่างไร พระบิดายังคงเป็นพระบิดา เมื่อไม่มีคำศัพท์ในหมวดของความโศกเศร้าที่ใช้อธิบายความเจ็บปวดจากการสูญเสีย พระเจ้าก็ยังทรงเป็นพระบิดาของเราและทรงเรียกเราว่าเป็นลูกของพระองค์ (1 ยน.3:1)

พบความยินดีในความอนิจจัง

ในปี 2010 เจมส์ วอร์ดผู้สร้างบล็อกที่ชื่อว่า “ฉันชอบเรื่องน่าเบื่อ” ได้จัดการประชุมที่เรียกว่า “การประชุมเรื่องน่าเบื่อ” เป็นหนึ่งวันแห่งการฉลองสิ่งที่น่าเบื่อธรรมดาๆ หรือถูกมองข้าม ที่ผ่านมาวิทยากรเคยพูดเกี่ยวกับหัวข้อที่ดู
น่าเบื่อเช่น การจาม เสียงที่เกิดจากตู้ขายของอัตโนมัติและจากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทของปี 1999 วอร์ดรู้ว่าหัวข้อเหล่านี้อาจดูน่าเบื่อ แต่วิทยากรสามารถทำเรื่องน่าเบื่อให้เป็นเรื่องน่าสนใจ มีความหมายและน่ายินดีได้

หลายพันปีก่อน ซาโลมอนกษัตริย์ที่ฉลาดที่สุดได้เริ่มค้นหาความสุขของพระองค์ในสิ่งที่เป็นอนิจจังและน่าเบื่อ พระองค์ทุ่มเททำงาน ซื้อฝูงสัตว์มากมาย เพิ่มพูนความมั่งคั่ง สรรหานักร้อง และสร้างพระราชวัง (ปญจ. 2:4-9) บางสิ่งที่พระองค์ทรงทำได้รับการยกย่องแต่บางสิ่งก็ไม่ สุดท้ายในการค้นหาความหมายนั้นพระองค์ไม่พบสิ่งใดนอกจากความอนิจจัง (ข้อ 11) ซาโลมอนยึดติดอยู่ในมุมมองของโลกตามประสบการณ์อันจำกัดของมนุษย์ที่พระเจ้าไม่ทรงมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดทรงตระหนักได้ว่าพระองค์จะพบความยินดีในความน่าเบื่อได้ก็เมื่อพระองค์ระลึกถึงและนมัสการพระเจ้าเท่านั้น (12:1-7)

เมื่อเราพบตัวเองวนเวียนอยู่ในความเบื่อหน่าย ให้เราเริ่มการประชุมส่วนตัวประจำวันของเราโดย “ระลึกถึงพระผู้เนรมิตสร้าง(ของเรา)” (ข้อ 1) คือพระเจ้าผู้ทรงเติมความน่าเบื่อด้วยสิ่งที่มีความหมาย เมื่อเราระลึกถึงและนมัสการพระองค์ เราจะพบความอัศจรรย์ใจในเรื่องที่ธรรมดา การสำนึกในพระคุณในเรื่องที่น่าเบื่อ และความยินดีในสิ่งที่ดูเหมือนไร้ความหมายในชีวิต

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา